วันพุธที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2557

ประวัติความเป็นมา



ประวัติความเป็นมา



คนไทยรู้จักกล้วยกันมาตั้งแต่เริ่มมีการก่อตั้งประเทศไทย เพราะประเทศไทยเป็นประเทศหนึ่งที่เป็นแหล่งกำเนิดกล้วย จึงมีกล้วยป่า และกล้วยปลูกอยู่ทั่วไป คนไทยจึงรู้จักการใช้ ประโยชน์จากส่วนต่าง ๆ ของกล้วยเป็นอย่างดี การปลูกกล้วย ในสมัยโบราณเป็นการปลูกเพื่อไว้ใช้สอยภายในบ้าน ต่อมาเริ่ม มีการค้าขายผลไม้ กล้วยเป็นผลไม้ชนิดหนึ่งที่มีการปลูกขายกัน มาตั้งแต่สมัยอยุธยา การปลูกรวบรวมพันธุ์เพื่อการศึกษานั้น ได้มีการเริ่มต้นที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เมื่อประมาณปี พ.ศ. 2498 ซึ่งในช่วงเวลาดังกล่าวได้มีการรวบรวมพันธุ์ไว้ ที่สถานีวิจัยบางกอกน้อย โดย อาจารย์อรุณ ทรงมณี อาจารย์ คณะกสิกรรมและสัตวบาล หลวงสมานวรกิจ อดีตคณบดีคณะ กสิกรรมและสัตวบาล และ ศาสตราจารย์โชติ สุวัตถิ อดีต คณบดีคณะประมง ได้ทำการรวบรวมและศึกษาในเรื่องของ กล้วย รวมทั้ง ศาสตราจารย์ อินทรีย์ จันทรสถิตย์ อดีต อธิการบดีมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ก็ได้มีความสนใจในเรื่อง พันธุ์ของกล้วย แต่ในการรวบรวมในครั้งนั้นไม่มีรายงานที่ชัด เจน และพันธุ์ที่รวบรวมไว้ได้สูญหายไปในเวลาต่อมา ในปี พ.ศ. 2510 ศาสตราจารย์วัฒนา เสถียรสวัสดิ์ และ ศาสตราจารย์ปวิณ ปุณศรี แห่งภาควิชาพืชสวน ได้รับทุน สนับสนุนจากสภาวิจัยแห่งชาติ ในการรวบรวมพันธุ์กล้วยใน ประเทศไทย การรวบรวมในครั้งนั้นได้ประมาณ 125 สาย พันธุ์ รวมทั้งพันธุ์จากต่างประเทศด้วย พันธุ์ที่รวบรวมได้ ได้ปลูกไว้ที่สถานีฝึกนิสิตเกษตร ปากช่อง (สถานีวิจัยปาก ช่องในปัจจุบัน) ต่อมาเนื่องจากขาดแคลนทุนทรัพย์ กล้วย ส่วนใหญ่ได้สูญหายไป ในการรวบรวมพันธุ์ครั้งนั้น ได้ทำ การศึกษาถึง การปลูก ระยะปลูก การให้ปุ๋ย การปลูกพืชบังลม และการศึกษาอนุกรมวิธานของกล้วยโดยวิธีทางไซโตและ สัณฐานวิทยา ด้วย ปี พ.ศ. 2523 2526 เบญจมาศ ศิลาย้อย และ ฉลองชัย แบบประเสริฐ แห่งภาควิชาพืชสวน ได้รับทุน วิจัยจาก IBPGR/FAO ในการรวบรวมเชื้อพันธุกรรมกล้วย ในประเทศไทย การรวบรวมพันธุ์ได้รวบรวมทั้งกล้วยป่าและ กล้วยปลูก ตามแนวเขตเศรษฐกิจของประเทศ ได้ 323 สาย พันธุ์ และเมื่อทำการจำแนกชนิดแล้ว พบว่า มี 53 พันธุ์ หลัง จากนั้นได้มีผู้ช่วยทำการสำรวจและรวบรวมเพิ่มขึ้นคือ กวิศร์ วานิชกุล และ กัลยาณี สุวิทวัส จนกระทั่งปัจจุบันได้ 71 พันธุ์ พันธุ์ที่รวบรวมได้ ได้เก็บรักษาไว้ที่สถานีวิจัยปากช่อง อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา และรวบรวมไว้โดยวิธี เพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อที่ภาควิชาพืชสวน คณะเกษตร วิทยาเขต บางเขน งานวิจัยในเรื่องกล้วยของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ นอกจากเรื่องการรวบรวมพันธุ์ การจำแนกพันธุ์แล้ว ยังได้มีการ ทดลองนำเข้ากล้วยที่ขายในตลาดต่างประเทศเพื่อนำมาทดลอง ปลูกในประเทศไทย ในการส่งเสริมให้มีการปลูกเพื่อส่งออก ให้มากขึ้น ในเรื่องของการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อกล้วยพันธุ์ต่าง ๆ โดยการหาสูตรอาหารที่เหมาะสมกับกล้วยพันธุ์ต่าง ๆ เพื่อ ให้เกิดหน่อที่สมบูรณ์มากและเร็ว การทดสอบและเปรียบเทียบ ศักยภาพของกล้วยพันธุ์การค้าที่ขยายพันธุ์โดยวิธีการเพาะเลี้ยง เนื้อเยื่อในแหล่งปลูกต่าง ๆ ในประเทศไทย การพัฒนาพันธุ์และ การผลิตกล้วยหอมโดยวิธีเทคโนโลยีชีวภาพ การชักนำให้เกิด แคลลัสในกล้วย การเก็บรักษาเชื้อพันธุกรรมกล้วยในสภาพปลอด เชื้อ ผลของยีโนม กล้วยที่มีต่อการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อกล้วย การ ศึกษาโครโมโซมของกล้วย ลักษณะทางสัณฐานบางประการของ กล้วยที่มีจำนวนโครโมโซมต่างกัน คุณค่าทางอาหารของกล้วย ได้มีการศึกษาคุณค่าทางอาหาร ของกล้วยไม่ต่ำกว่า 10 พันธุ์ มีการศึกษาสารที่มีประโยชน์จาก เปลือกกล้วย การแปรรูปกล้วยให้เป็นอาหารที่เก็บได้นาน เช่น การ ทำกล้วยตาก กล้วยกวน ท๊อฟฟี่กล้วย การบรรจุกระป๋อง เช่น กล้วย บวชชี กล้วยน้ำว้าในน้ำเชื่อม แกงเหลืองหยวกกล้วย ซึ่งสามารถเก็บ ไว้ได้นาน และส่งออกขายต่างประเทศได้อีกด้วย นอกจากนี้ได้มีการ แปรรูปกล้วยเป็นแป้งกล้วย (banana flour) และกล้วยผง (banana powder) การทำเครื่องดื่มจากกล้วย เช่น การทำ น้ำกล้วย (banana juice) มีการทำไวน์กล้วยจาก กล้วยหอมทอง กล้วยหอมแกรนด์เนน กล้วยน้ำว้า และกล้วยไข่ นอกจากการแปรรูปจากผลผลิตแล้ว ได้มีการนำใบตองมาทำเป็น ภาชนะทดแทนภาชนะพลาสติก และโฟม เพื่อใช้ในการบรรจุ อาหารชั่วคราว เพื่อลดปัญหาขยะและมลภาวะทางอากาศ พบว่า ใบตองของกล้วยน้ำว้าดำ และกล้วยหอมเขียว ให้คุณสมบัติดี และแข็งแรง ส่วนลำต้นเทียมที่อยู่เหนือดินของกล้วย นำมาทำ กระดาษประเภทกระดาษสาได้คุณภาพที่ดี ในเรื่องของการปรับปรุงพันธุ์กล้วย ได้ทดสอบความมีชีวิตของ ละอองเกสรกล้วย เพื่อนำประโยชน์มาใช้ในการปรับปรุงพันธุ์ พบว่า ละอองเกสรกล้วยส่วนใหญ่มีชีวิตสั้น และไม่ค่อยมีชีวิต ดังนั้น ในการปรับปรุงพันธุ์ส่วนใหญ่จึงศึกษาในเรื่องของการปรับ ปรุงพันธุ์ ด้วยวิธีการชักนำให้เกิดการกลายพันธุ์ด้วยการใช้สารเคมี และรังสี โดยทำกับต้นที่ได้จากการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ เช่นทดลอง ใช้รังสีกับกล้วยหอมทอง และกล้วยไข่ เพื่อให้ได้ต้นที่ต้านทานต่อ ใบจุด สำหรับการใช้สารเคมีกับต้นอ่อนกล้วยไข่ ทำให้ได้ต้นกล้วย ที่มีขนาดเตี้ยมาก เหมาะในการทำไม้ประดับกระถาง ได้ตั้งชื่อว่า เบพซึ่งมหาวิทยาลัยได้จดทะเบียนกล้วยประดับต้นนี้ไว้กับกรม วิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สำหรับการใช้รังสี ได้ทดลองใช้กับรังสีแกมมา ได้ต้นกล้วยไข่ที่ไม่ต่างจากเดิม รสชาติเหมือนเดิม แต่ผลกล้วยมีรูปร่างต่างจากเดิมเล็กน้อย กล่าวคือ ผลผอมเรียว ทำให้การจัดเรียงของหวีดีกว่าพันธุ์ปกติ ให้ชื่อว่า “KB2 (Kasetsart Banana no 2) และผลคล้ายเดิม แต่มีขนาดสั้น ก้านยาวขึ้น ให้ชื่อว่า “KB3 ส่วนพันธุ์ที่ไม่ได้ใช้รังสี ได้ผิวของเปลือกเงาขึ้น ได้ให้ชื่อว่า “KB1 ขณะนี้งานวิจัยของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้ทำการตรวจสอบ DNA ของกล้วย เพื่อหากำเนิดของ พันธุ์กล้วยหลายชนิด และมีการหาวิธีการให้ได้พันธุ์กล้วยน้ำว้า ที่ต้านทานต่อโรคเหี่ยว นอกจากงานวิจัยเกี่ยวกับกล้วยกินได้แล้ว มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ยังได้ทำการศึกษากล้วยประดับ ซึ่ง หมายถึง กล้วยบัว กล้วยกัทลี กล้วยผา กล้วยนวล ด้วย

ที่มาและความสำคัญ



ที่มาและความสำคัญ



        การทำกล้วยฉาบ มีมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ถือว่าเป็นวัฒนธรรมที่มีมาตั้งนานแล้ว เราก็ควรที่จะอนุรักษ์เอาไว้ แน่นอนอยู่แล้วว่ากล้วยสามรถทำได้หลายอย่างมากๆ เช่น การทำกล้วยฉาบนั้น เริ่มจากการที่คนสมัยก่อนหากล้วย หรือปลูกกล้วยตามที่ต่างๆ เพื่อเป็นผลไม้ ที่มีประโยชน์มากมายหลายประการณ์ และก็มีกรรมวิธีคิดค้นที่จะนำกล้วยนั้นมาทำเป็นของว่าง ขนมขบเคี้ยว เลยนำกล้วยนั้นมาแปรรูปทำเป็นกล้วยฉาบนั่นเอง

จุดประสงค์ในการทำกล้วยฉาบ


จุดประสงค์ในการทำกล้วยฉาบ


 
          ในการทำกล้วยฉาบนี้เป็นวิธีถนอมอาหารที่ขึ้นชื่ออย่างหนึ่งโดยอาศัย
น้ำตาลเป็นสารป้องกันไม่ให้อาหารเกิดการเปลี่ยนแปลง บูดเน่า เสียหาย
มีวัตถุประสงค์เพื่อเก็บไว้นานๆการทำกล้วยฉาบจะเป็นวัฒนธรรมการถนอม
อาหารที่ได้กระทำสืบต่อกันมานานนอกจากจะทำกันในครัวเรือนเพื่อบริโภค
กันเองแล้ว ปัจจุบันยังได้มีการพัฒนาปรับปรุงวิธีการไปสู่การจำหน่าย
ได้มีการพัฒนาเป็นอุตสาหกรรมในครัวเรือน

วิธีการทำ

กล้วยฉาบสมุนไพร

        วิธีการทำ 

     1.นำกระทะตั้งไฟ ใส่น้ำ ลิตร (กระทะที่1)

     2.ใส่น้ำตาล กก.

    3.เติมน้ำหวาน เฮลบลูบอย พอประมาณ ตามชอบ 

    4.เนยพอประมาณ แค่ให้มีกลิ่นหอมเท่านั้น

    5.นำกระทะอีกใบใส่น้ำมันพืช ตั้งไฟ (กระทะที่ 2 )

   6.นำกล้วยลงทอด ไม่ให้กรอบมากนัก

   7.นำหอมแดงสับละเอียด พริกไทย โรยใส่กล้วยที่กำลังทอดอยู่ให้หอม

   8.จากนั้นตักขึ้นพักให้สะเด็ดน้ำมัน

   9.จากนั้นนำกล้วยที่ทอดพอหอม ไปเคี่ยวต่อในกระทะที่ เป็นการเพิ่มรสชาติ คลุกเคล้าให้เข้าเครื่อง


   10.จากนั้นนำไปทอดในกระทะที่ อีกครั้ง ประมาณ นาที เพื่อทอดให้กรอบ หอม อีกครั้ง


อุปกรณ์ในการทำ

อุปกรณ์ในการทำ



           1.กล้วยน้ำว้า
                                                   
               2.น้ำตาลทราย
  
                                                     



                      3.ทัพพ
                4.น้ำมัน          
                                                
                5.กระทะ
                          6.กะซอน
                           7.ถาด

ประโยชน์ของกล้วยฉาบ


ประโยชน์ของกล้วยฉาบ





             1.สามารถนำมาเป็นอาหารว่างได้
             2.ได้รู้จักวิธีการทำกล้วยฉาบ
             3.ได้รู้จักวิธีการถนอมอาหาร
             4.สามารถนำมาเป็นสินค้าและจำหน่ายได้
             5.สามารถใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์
 
 

กล้วยฉาบแม่แดง ของฝากชื่อดังเมืองพัทลุง


กล้วยฉาบแม่แดง ของฝากชื่อดังเมืองพัทลุง



สวัสดีค่ะเพื่อนๆ วันนี้มีโอกาสแวะเวียนไปซื้อของฝาก "กล้วยฉาบแม่แดง" ซึ่งเป็นของฝากขึ้นชื่อของเมืองลุงเค้าเลยค่ะ เคยแวะซื้อตามร้านของฝากทั่วไป แต่วันนี้บุกไปถึงบ้านที่ผลิตในเมืองลุงค่ะ

พี่สาวคนนี้แหละค่ะ ที่ไปซื้อของฝากแบบอลังการ...และคนข้างๆ 


เค้ามี 2 รสชาติหลัก แบบเค็มและแบบหวาน....


ขอสนุกกับการหัดถ่ายภาพหน่อยนะคะ เบื้องหลังของกล้วยฉาบแม่แดงค่ะ ทุกอย่างทำด้วยมือหมดเลย ฝานกล้วยได้บางมากๆ
  
จากนั้นก็ถ่ายภายภาพของฝากหน่อยค่ะ...อยากถ่ายภาพให้สวยๆ ก็ต้องหัดกันหน่อยเนอะ 

ของเค้าอร่อยจริงๆค่ะ 

การถนอมอาหาร


การถนอมอาหาร


การทำกล้วยฉาบ
การทำกล้วยฉาบเป็นวิธีการถนอมอาหารที่ขึ้นชื่ออย่างหนึ่งของจังหวัดพัทลุง โดยอาศัยน้ำตาลเป็นสารป้องกันไม่ให้อาหาร เกิดการเปลี่ยนแปลง บูดเน่าเสียหาย และมีวัตถุประสงค์เพื่อเก็บไว้กินนานๆ
การทำกล้วยฉาบของชาวพัทลุง โดยทั่วไปจะมีขั้นตอนและวิธีการที่คล้ายๆ กัน คือ ขั้นตอนแรกเริ่มด้วยการคัดเลือกกล้วยน้ำว้า ที่แก่จัด นำมาปอกเปลือก แล้วนำมาหั่นเป็นแว่นๆ แต่เดิมจะใช้มีดหั่นตามยาวหรือขวางก็ได้ แต่ปัจจุบันนิยมนำมาไสกับกบไสน้ำแข็ง เพราะจะทำให้ได้แว่นกล้วยฉาบที่มีความหนาเท่าๆ กัน อีกทั้งเป็นการประหยัดเวลาด้วย จากนั้นนำมาแกะแยกชิ้นออกเพื่อให้ยางกล้วยแห้ง เอาไปทอดน้ำมันที่ร้อนจัดจนกรอบ แล้วตักใส่ที่พักให้สะเด็ดน้ำมัน เมื่อทอดกล้วยหมดแล้ว เอากะทะใส่น้ำตาล เนย น้ำเล็กน้อย พร้อมด้วยเกลือพอมีรสเค็ม ตั้งไฟให้น้ำร้อนจัด เคี่ยวจนส่วนผสมเหนียวเป็นยางมะตูม เอากล้วยที่ทอดแล้วลงคลุกกับน้ำตาล ซึ่งชาวพัทลุง จะเรียกวิธีการนี้ว่า "หราน้ำผึ้ง" หรือ "ฉาบน้ำตาล" ฉาบจนน้ำตาลเกาะติดกล้วยและแห้ง ทิ้งไว้ให้เย็นแล้วจึงบรรจุภาชนะเก็บได้   ปัจจุบันจังหวัดพัทลุงมีกล้วยฉาบ ๒ ชนิด คือ กล้วยฉาบรสหวาน และกล้วยฉาบรสเค็ม กล้วยฉาบทั้ง ๒ ชนิดนี้ มีขั้นตอนและ วิธีการทำอย่างเดียวกัน จะแตกต่างกันเล็กน้อย ตรงที่กล้วยฉาบรสเค็มไม่ต้องใช้น้ำตาลเป็นส่วนผสมเท่านั้น
การทำกล้วยฉาบของชาวพัทลุง เป็นวัฒนธรรมการถนอมอาหารที่ได้กระทำสืบต่อกันมานาน นอกจากจะทำกันในครัวเรือน เพื่อบริโภคกันเองแล้ว ปัจจุบันยังได้มีการพัฒนาปรับปรุงวิธีการไปสู่การจำหน่าย และได้พัฒนาเป็นอุตสาหกรรมในครอบครัว โดยมีสถานที่ผลิตที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักแพร่หลาย ชื่อ กล้วยฉาบแม่แดง ตั้งอยู่ที่ ๓๓/๔ บ้านปากแพรก ถนนผดุงดอนยอ อำเภอเมือง จังหวัดพัทลุง


ข้อมูลรายละเอียดสินค้า


ข้อมูลรายละเอียดสินค้าของ กลุ่มกล้วยฉาบแม่แดง




รหัสผลิตภัณฑ์ (Code): 930101-A001
ผลิตภัณฑ์ (Product) กล้วยฉาบแม่แดง
รายละเอียดผลิตภัณฑ์
กล้วยฉาบแม่แดง รสชาติกลมกล่อมคงที่สม่ำเสมอ สะอาด ถูกหลักอนามัย ไม่ใส่สารกันบูด(OTOP)
ราคาขายปลีก 35 บาท
สินค้าสุดยอดหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์
ประเภทผลิตภัณฑ์ : อาหาร
สถานที่จำหน่าย
กลุ่มกล้วยฉาบแม่แดง
33/4 ถนนราเมศวร์ ต.คูหาสวรรค์ อ.เมือง จ.พัทลุง 93000
ติดต่อ : นางบุญ มหาสุวรรณ์
โทร : 074 611750


ประวัติ


ประวัติ 


นางสาว โสริยา พราหมวงศ์        สาขาการตลาด
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย สงขลา
เบอร์โทรศัพท์:  0872982905
E-mail:  nooso6443@hotmail.com